ถ้าวาล์วน้ำ มันค้างอ่ะนะคับ
เช็คได้คือ ตอนเครื่องเย็นอ่ะนะคับหรือว่าขับไปแล้วจอดทิ้งไว้เป็นชั่วโมงอ่ะนะคับ
--
ทดสอบว่าวาล์วน้ำค้างมั้ย
ทำได้โดยเปิดฝาหม้อน้ำที่เป็นสเตนเลสตรงกลางหม้อน้ำนั่นแหละคับ
เปิดทิ้งไว้ก่อนแล้วเดินไปสตาร์ทรถแล้วเดินกลับมาดูที่หม้อน้ำคับ
--
ถ้าน้ำในหม้อน้ำมันนิ่งๆ แล้วมันค่อยๆ เอ่อจนล้นออกมา
แสดงว่าวาล์วน้ำไม่ค้างคับ
--
แต่ถ้าวาล์วน้ำมันค้าง
น้ำในหม้อน้ำมันจะวิ่งหรือไหลผ่านตรงช่องเติมน้ำนั่นเลยคับ เพราะวาล์วน้ำมัน
ไม่ปิดกั้นน้ำ
ทำให้ไหลวนระบายความร้อนผ่านรังผึ้งหม้อน้ำเลย/
ที่นี้อุณหภูมิน้ำมันก้อไม่ร้อนสักที กล่องมันรับรู้ว่าอุณหภูมิยังไม่ถึง
มันก้อจะสั่งให้ระบบวอร์มเครื่องทำงานคับ
มันก้อจะกินน้ำมันเพราะช่วงวอร์มเครื่องกล่องจะสั่งจ่ายน้ำมันหนาคับ
--
ทีนี้อย่างที่คุณโก๊ะบอกว่ายิ่งขับ
อุณหภูมิที่เข็มความร้อนยิ่งลง
ก้อเพราะว่าลำพังแค่น้ำมันวนในระบบโดยผ่านการระบายความร้อน
จากหม้อน้ำเนื่องจากวาล์วน้ำเปิด
อุณหภูมิน้ำมันก้อเย็นอยู่แล้ว
ยังมาเจอลมที่ปะทะหม้อน้ำเวลาขับมันก้อยิ่งเย็นเข้าไปใหญ่
เครื่องมันก้อจะสั่งจ่ายน้ำมันให้หนาตลอดคับ
ผลก้อคือเปลืองน้ำมัน และน้ำมันหนา มันก้อจะทำให้เร่งไม่ค่อยออกเพราะหนาเกินคับ
ยิ่งขับความร้อนยิ่งลงสันนิษฐานได้ว่าวาล์วน้ำ
มันค้างคับ
---
แต่ที่ผมบอกไว้ตอนต้นว่าถ้าวาล์วน้ำ มันไม่ค้างอาการคือน้ำ
มันจะค่อยๆเอ่อจนล้นใช่มั้ยคับ
แต่ถ้าติดเครื่องทิ้งไว้สักพักน้ำที่ค่อยๆ
เอ่อมันดันออกมาเรื่อยๆจนดันสูงแบบว่าพุ่งเป็นน้ำพุนะคับ
อันนั้นจะเป็นอาการของวาล์วน้ำตายไม่ยอมเปิดให้น้ำวนในระบบคับ
--
หลักการของการระบายความร้อนของเครื่องยนต์มันก้อคือ
การแบ่งหรือกั้นน้ำให้เป็น2ฝั่งคับ
1.
คือขาเข้าเครื่องยนต์จะเป็นน้ำที่ผ่านการระบายความร้อนจากหม้อน้ำแล้วคับ
คือท่อน้ำด้านล่างอ่ะคับ
2.
ส่วนอีกฝั่งนึงคือขาออกที่ยังไม่ผ่านหม้อน้ำก้อคือท่อด้านบน
(บางยี่ห้อหรือบางรุ่นจะอยู่ซ้านกับขวา)
แล้วน้ำจะวนในระบบได้ด้วยการปั่นของปั๊มน้ำ
ที่อยู่หน้าเครื่องที่มีสายพานปั่นอ่ะคับ น้ำทั้ง2ฝั่ง
จะถูกกั้นด้วยวาล์น้ำหรือเทอร์โมสตรัทอ่ะคับคือน้ำที่ระบายแล้วจะเข้าไปหล่ออยู่ที่ผนังเสื้อสูบแล้วตันอยู่ที่วาล์วน้ำ
** ทีนี้พอเครื่องมีความร้อนจนน้ำที่หล่ออยู่ร้อนตาม
จนถึงอุณหภูมของตัววาล์วน้ำกำหนด
สปริงที่วาล์วน้ำมันก้อจะยกตัวเพื่อเปิดให้น้ำที่ร้อนผ่านออกไปวนที่
รังผึ้งหม้อน้ำเพื่อระบายความร้อนด้วยอากาศอ่ะคับ
มันก้อจะวนอย่างนี้ไปเป็นวัฏจักรคับ
--
ทีนี้ถ้าวาล์วน้ำเปิดมันก้อจะวนในระบบเลยอย่างที่บอกไว้ในตอนต้นคับ
มันก้อเย็นตลอด แต่ในทางกลับกัน
--
ถ้าวาล์วน้ำตาย ไม่เปิดให้น้ำผ่านไประบายความร้อน
น้ำที่หล่ออยู่ที่ผนังเสื้อสูบก้อจะร้อนจนเดือด
แล้วมันก้อจะแผ่ความร้อนย้อนกลับไปถึงหม้อน้ำเลยไปจนถึง
อีกด้านของวาล์วน้ำ
น้ำที่เดือดจะมีแรงดันสูงมันก้อจะไปต้านอีกด้านของวาล์วน้ำยิ่งทำให้วาล์วน้ำ
เปิดไม่ได้ทีนี้มันจะดันไปไหนล่ะคับ ก้อดันออกทางฝาหม้อน้ำสิคับ
อาจรุนแรงถึงหม้อน้ำแตกเพราะแรงดันมันสูงจนน้ำไม่มีเหลือเครื่องก้อฮีตคับเป็นที่มาของฝาโก่งคับ
--
ที่ฝาหม้อน้ำมันก้อจะมีการกำหนดแรงดันด้วยสปริงไว้เหมือนกันคับคล้ายๆกับวาล์วน้ำที่จะมีเขียนว่า0.9บาร์หรือค่าอื่นๆแล้วแต่กำหนดคับ
--
ค่าแรงดันที่ฝาหม้อน้ำ มันจะมีค่าองศาที่ต่ำกว่าวาล์วน้ำคับ
เพื่อให้เปิดก่อนวาล์วน้ำแป๊บนึงมันจะเหลื่อมเวลากันนิดนึงคับ
เพื่อให้น้ำที่ร้อนไปเปลี่ยนกับน้ำที่เย็นในถังพักน้ำ
สังเกตุที่ถังพักน้ำจะมีระดับเติมน้ำสูงสุดไว้ไม่เต็มถังพักน้ำคับ
เพราะเพื่อให้มีพื้นที่พอสำหรับน้ำที่ดันมาทางฝาหม้อน้ำคับ
พอน้ำที่ดันมาผสมกับน้ำที่เย็นในถังพัก
มันก้อพอดีกับวาล์วน้ำเปิด มันก้อจะไม่ล้นคับ
พอดับเครื่องน้ำที่ร้อนอยู่ในระบบมันขยายตัวก้อดันออกมา พอน้ำเริ่มเย็นอุณหภูมิลงมันก้อจะหดตัวทำให้เกิดช่องว่างในระบบ
เพราะน้ำมันหดตัว ในระบบก้อเกิดสุญญากาศ
มันก้อจะดึงน้ำในถังพักให้กลับไปเต็มระบบอีกครั้งนึง
ก้อพอดีกับวาล์วที่ฝาหม้อน้ำปิดตัวลงพอดีอ่ะคับ
นี่แหละคับคือหลักการทำงานของมัน
--
ทีนี้ถ้าตัวนึงตัวใดของระบบเสียมันก้อจะปั่นป่วนระบบคับ
อย่างที่บอกไว้ข้างต้น
--
ที่นี้มาดูเรื่องฝาหม้อน้ำคับ ถ้าฝาหม้อน้ำเสื่อมคือสปริงมันอ่อนตัว
มันก้อจะทนแรงดันของน้ำได้ไม่มาก มันก้อรัษาอุณหภูมิไว้ไม่ได้เช่นกันคับ
--
แรงดันยังไม่ถึงที่กำหนดมันก้อเปิดก่อน
ทำให้น้ำที่ดันมาไหลไปเต็มถังพักก่อนที่วาล์วน้ำจะเปิดแบบเหลื่อมเวลากันมากเกินไปคับ
พอน้ำเริ่มร้อนมันขยายตัว
มันก้อดันอีก
มันก้อจะทำให้น้ำที่เต็มในถังพักล้นออกมาคับ
แต่พอดับเครื่องมันก้อดูดน้ำกลับเข้าไปให้เต็มระบบตามวัฏจักรที่กล่าวไว้ข้างต้น
แต่น้ำมันหายไปส่วนนึงเนื่องจากฝาหม้อน้ำรักษาแรงดันไม่ได้
มันก้อเป็นที่มาของน้ำในถังพักไม่เหลือ แต่ในหม้อน้ำมีคับ
